ขับเคลื่อนโดย Blogger.
RSS

การจัดเก็บทรัพยากรสารสนเทศ

ความหมายและโยชน์ของการจัดเก็บทรัพยากรสารสนเทศ

     การจัดเก็บทรัพยากรสารสนเทศ
                   ทรัพยากรสารสนเทศของห้องสมุด  แบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 2 ประเภท คือ  วัสดุตีพิมพ์และวัสดุไม่ตีพิมพ์หรือโสตทัศนวัสดุ  หรือสื่อโสตทัศน์  ซึ่งห้องสมุดมีหน้าที่ในการจัดหา  รวบรวมจัดเก็บและพัฒนาทรัพยากรประเภทนี้ให้มีความทันสมัย  สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้  ให้มากที่สุด  เมื่อวัสดุมีจำนวนมากขึ้น  ห้องสมุดจึงต้องมีวิธีดำเนินการจัดเก็บอย่างมีหลักเกณฑ์และ  เป็นระบบมีระเบียบแบบแผนที่แน่นอน  พร้อมทั้งจัดทำเครื่องมือสำหรับค้นหา  ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบสมุด บัตรรายการ  หรือฐานข้อมูลก็ได้  ซึ่งการค้นหาและเข้าถึงทรัพยากรสารสนเทศที่ต้องการได้อย่างถูกต้อง  สะดวกและรวดเร็วนั้น  ต้องอาศัยรหัสนำค้นหรือเลขเรียกวัสดุของสื่อต่าง ๆ  การจัดเก็บจะพิจารณาจากเนื้อหาสาระของหนังสือเป็นสำคัญ  มีการกำหนดสัญลักษณ์แสดงเนื้อหาของหนังสือแต่ละประเภท  สัญลักษณ์ที่ถูกกำหนดขึ้นนี้จะเป็นเครื่องหมายบอกตำแหน่งของหนังสือในห้องสมุด หนังสือที่มีเนื้อหาเดียวกัน  หรือคล้ายคลึงกันจะมีสัญลักษณ์เหมือนกันวางอยู่ในที่เดียวกัน
     ความหมายของการจัดเก็บทรัพยากรสารสนเทศหรือการจัดหมู่
                   การจัดหนังสือหรือการจัดเก็บทรัพยากรสารสนเทศของห้องสมุด หมายถึง การจัดเรียงอย่างมีระบบตามเนื้อหาวิชาของหนังสือ และวัสดุความรู้ประเภทอื่น ๆ บนชั้นหนังสือ หรือตามเนื้อหาวิชาของรายชื่อหนังสือ นอกจากนี้ยังเป็นดรรชนีที่ให้ประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ใช้ห้องสมุดหรือ ผู้ที่ต้องการหาข้อมูลเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ การจัดหมู่หนังสือ เป็นการจัดหนังสือที่มีเนื้อเรื่องหรือแบบการประพันธ์คล้ายคลึงกัน มารวมไว้ด้วยกัน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้อ่านในการค้นหาหนังสือในห้องสมุดอย่างมากที่สุด
     วัตถุประสงค์ของการจัดเก็บทรัพยากรสารสนเทศ
เพื่ออำนวยความสะดวก และเพื่อประโยชน์แก่ผู้ใช้ห้องสมุดและบรรณารักษ์ในการค้นหาหนังสือและทรัพยากรสารสนเทศอื่น ๆ ในห้องสมุดเพราะการจัดเรียงหนังสือด้วยวิธีดังกล่าว ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในการเลือกสี ขนาด หรือลักษณะการพิมพ์ของหนังสือแต่ละชื่อเรื่อง

      ประโยชน์ของการจัดเก็บทรัพยากรสารสนเทศ
บรรณารักษ์จะกำหนดเลขหมู่สำหรับหนังสือแต่ละชื่อเรื่อง โดยพิจารณาจากเนื้อหา เพื่อ
1.  ทำให้หนังสือหมวดวิชาเดียวกันอยู่ในที่เดียวกัน หรือใกล้กันทำให้สะดวกในการจัดหรือค้นหาหนังสือ
2.  ทำให้หนังสือในหมวดวิชาย่อย ๆ ของหมวดใหญ่มารวมอยู่ในที่เดียวกัน เช่น หนังสือหมวด 600 เทคโนโลยี ประกอบด้วยความรู้สาขาต่าง ๆ ที่ลำดับไว้เป็นหมวดวิชาย่อย คือ การแพทย์ วิศวกรรมศาสตร์ และการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง เกษตรศาสตร์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง คหกรรมศาสตร์และความเป็นอยู่ของครอบครัว
3.  ทำให้บรรณารักษ์ทราบว่าห้องสมุดมีหนังสือหัวเรื่องและเนื้อหาต่าง ๆ มากน้อยเพียงใด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการสั่งซื้อหนังสือเข้าห้องสมุดแต่ละครั้ง
4.  เมื่อมีหนังสือใหม่เข้าห้องสมุด บรรณารักษ์ก็สามารถนำไปจัดเข้าหมวดหมู่ต่าง ๆ และสามารถนำไปเรียงบนชั้นหนังสือที่มีเนื้อหาเดียวกัน หรือคล้ายคลึงกันหรือเมื่อหยิบหนังสือไปใช้ก็สามารถนำกลับเข้าที่เดิมได้อย่างรวดเร็ว
5.  เป็นพื้นฐานในการจัดทำสถิติ เช่น ทำให้ทราบจำนวนหนังสือทั้งหมดที่มีอยู่ในหมวดหมู่นั้น ๆ หรือจำนวนหนังสือที่แยกตามประเภทหรือแต่ละสาขาวิชา
6.  ทำให้สะดวกต่อการทำวิจัยและการรวบรวมบรรณานุกรมเฉพาะวิชา ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ห้องสมุดและบรรณารักษ์ประหยัดเวลาในการรวบรวมแหล่งข้อมูล

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น